เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้
ณัฐ ยนตรรักษ์ กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ในเดือนสิงหาคม เพื่อฉลองครบ 50 ปี นับตั้งแต่วันที่แสดงบนเวทีสาธารณะครั้งแรก แต่งเพลงแรก ทัวร์แสดงครั้งแรก และดำรงชีวิตในฐานะศิลปิน นักเปียโน นักแต่งเพลง และครูมาจนถึงวันนี้ เป็นการเดินทาง 50 ปีที่ผ่านร้อนหนาวมานับไม่ถ้วน
โอกาสนี้ ณัฐ ยนตรรักษ์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ CGN Thai News ถึงเรื่องราวแห่งพระพรที่เกิดขึ้นในชีวิต และบทเพลงที่ถ่ายทอดจึงไม่ใช่เพียงดนตรี แต่เป็นการถวายพระเกียรติด้วยความเชื่อที่แน่นแฟ้นในพระเจ้า
เส้นทางนักเปียโน 50 ปี กับพระพรในจอกที่เต็มล้นเสมอ
“ที่ผมรู้สึกว่าผมได้รับพระพรจริงๆ แล้วก็เป็นพระพรที่พระเจ้าให้จริงๆ เพราะว่าคุณแม่ผมเนี่ยเป็นคนที่มีความเชื่อสูงมากนะครับ แล้วท่านป่วยเป็นมะเร็ง ท่านไม่ยอมรักษา ทั้งๆ ที่เป็นคนที่ทำงานในโรงพยาบาล แล้ววันที่ท่านใกล้จะเสียชีวิตผมก็ขอให้คุณแม่อวยพรบุตรหัวปี เพราะว่าคุณแม่มีความเชื่อ คุณแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวให้แม่อธิษฐานถามพระเจ้าก่อน แล้วท่านก็หลับตาไปสักพักใหญ่ๆ พอลืมตาขึ้นมาท่านก็บอกว่าอันนี้แม่ขอพระเจ้าแล้วนะ อันนี้คือพรของลูก พระเจ้าจะให้จอกของลูกเต็มล้นอยู่เสมอ นั่นคือตอนที่ผมอายุ 28 นะครับ
“แล้วตอนที่อายุ 28 ท่านพระองค์หญิงสุทธสิริโสภา ก็ได้รับผมเหมือนกับลูกเลยนะครับ ท่านประทานเปียโนหลังแรกให้ผมตอนผมอายุแค่ 24 นะครับ แล้วท่านก็ได้ทำให้ชีวิตของผมเนี่ยเริ่มต้นอย่างดีเพราะว่าท่านสร้างบ้านที่เราอยู่ โรงเรียนที่เรามีในปัจจุบันนี้ ท่านก็ได้เริ่มต้นให้ชีวิตผมได้มีโอกาสดีๆ สิ่งเหล่านี้ได้นำความเจริญมาสำหรับครอบครัวของเรา
“เมื่อโรงเรียนเราก็ 25 ปี ก็มีโอกาสสร้างศาลาสุทธสิริโสภา ผมก็เป็นอนุสรณ์สำหรับผู้ที่มีพระคุณสูงสุดในชีวิตครับ
“ในชีวิตที่ผ่านมาได้เรื่อยๆ ตลอดเนี่ย ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญหานะครับ แต่ปัญหาต่างๆที่มีขึ้น พระเจ้าก็นำพาให้ผ่านไปๆ แต่ละเปราะอย่างอัศจรรย์มากๆ อย่างเช่นการสร้างศาลานี้ พอหลังจาก 2 ปีแล้ว เราก็ไม่สามารถจะหาเงินไปจ่ายธนาคารได้ พระเจ้าก็ส่งคุณกมลวัน บุณยัษฐิติ มาปลดหนี้ของเรา ทำให้เราสามารถจะมีชีวิตที่ไม่ต้องมีภาระมากเกินไป ก็ไม่น่าเชื่อที่จะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ถ้าไม่ใช่พระเจ้าทำแล้วผมก็ไม่รู้ว่าใครจะทำได้นะครับ”
ใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือ นำคนมาเข้าใกล้พระเจ้า
“ที่จริงผมเล่นเปียโนเพราะว่าคุณแม่อยากให้เล่นเปียโนในโบสถ์นะครับ เพราะฉะนั้นผมเล่นเปียโนในการนมัสการมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ผมก็เข้าใจวิธีที่เรารู้สึก สื่อสาร หรือว่านมัสการพระเจ้าด้วยการที่เราเล่นดนตรี ก็รู้สึกว่าได้มีโอกาสที่นมัสการพระเจ้ามากกว่าคนอื่น 2 เท่าด้วยเสียงเพลง
“เพลงที่เล่นทั้งหมด เวลาที่เราจะแสดงเนี่ยเราก็อธิษฐาน เราอธิษฐานใช่ไหมครับ คริสเตียนเราอธิษฐาน เราก็พูดกับพระเจ้าแล้วขอพระเจ้าว่าให้พระเจ้าเนี่ยนำการแสดงของเรา ให้การแสดงของเราเนี่ยเป็นการถวายเกียรติแก่พระเจ้า เพราะฉะนั้นเวลาเล่น เราก็เล่นด้วยความรู้สึกว่าเรากำลังทำสิ่งนี้ถวายพระเจ้า ผมก็รู้สึกว่าพระเจ้าอวยพร
“คุณแม่ก็สอนผมตั้งแต่เด็กๆ ว่าให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิต เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่เราทำ เราก็ทำด้วยความรู้สึกสำนึกว่าพระเจ้าประทานตะลัน ไม่ใช่ให้เราเพลิดเพลินอยู่คนเดียวหรือว่าให้เราอวดโอ้ว่าเราเก่ง แต่ว่าตะลันที่พระเจ้าให้มีเป้าหมาย อย่างเป้าหมายในชีวิตของผมที่พระเจ้าให้ ก็คือให้ใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือที่จะนำคนมาเข้าใกล้พระเจ้า”
บทประพันธ์เพลงที่พระเจ้าประทาน
“ดนตรีที่เราเล่นด้วยใจที่รู้สึกแบบนั้นเนี่ย ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้แปลกใจแก่คนที่ฟัง ให้เขารู้สึกแบบเดียวกับเรา ผมก็ขอบคุณพระเจ้าในสิ่งนี้ว่ามันเกิดขึ้นได้
“มีคนมาถามว่าให้ผมเนี่ยสอนการประพันธ์เพลงเนี่ยผมสอนไม่เป็น เพราะว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาได้ยังไง พระเจ้าประทานให้แต่ละครั้งๆ แล้วมันก็ผ่านไป จบไป แต่สิ่งที่เราได้ก็คือบทเพลงที่อยู่ไปตลอด แล้วผมก็หวังว่าพระเจ้าจะนำให้ยังสามารถจะเขียนเพลงใหม่ๆ ได้ต่อไปในอนาคต
“ในอัลบัมที่ผมเคยทำ ผมก็ทำอัลบั้มนี้มา 4 อัลบัมแล้วนะครับ ก็ทำให้มีหลายๆ คนที่ได้ฟังเพลงเขาก็รู้สึกได้เข้าเฝ้าพระเจ้า”
ไฮไลท์คอนเสิร์ต กับ "ลิเกโซนาต้า บุตรน้อยหลงหาย"
“บทเพลงที่ใช้ในการแสดงวันที่ 16 สิงหาคม ผมก็ขอบคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าประทานสติปัญญาให้สามารถจะประพันธ์เพลงนี้ได้ ด้วยเนื้อเรื่องบุตรน้อยหลงหาย ซึ่งตอนที่ผมตั้งใจจะทำก็ยังนึกไม่ออกนะครับ คือการที่เราจะเขียนดนตรีออกมา มันเหมือนจับของที่มันอยู่ในอากาศออกมาเป็นโน้ต
“เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันผ่านเข้ามาในหัวเนี่ย ผมก็อธิษฐานทุกครั้งขอพระเจ้านำในการที่จะคิดออก ว่าจะทำยังไงในท่อนนี้ๆ จากฉากนี้ไปฉากนี้นะครับ เพราะมันเป็นการเล่าเรื่องโดยผ่านเสียงดนตรี แล้วดนตรีที่เล่าเรื่องเนี่ย คนที่รำเขาสามารถจะเอาไปดัดแปลงแล้วก็เปลี่ยนออกมาเป็นท่าทาง จากดนตรีที่เขาได้ยินให้เป็นเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งมีความยาวถึง 50 นาทีนะครับ เล่าเรื่องทั้งหมดตามพระคัมภีร์เปี๊ยบเลยครับ ผมว่าเป็นบทเพลงที่เป็นเพลงใหญ่ที่ผมสามารถจะทำขึ้นมา แล้วก็ถวายเกียรติกับพระเจ้าได้
“เพราะฉะนั้นดนตรีที่เราเล่นด้วยใจของเราที่รู้สึกแบบนั้นเนี่ย ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้แตะใจคนที่ฟัง ให้เขาได้รู้สึกแบบเดียวกับเรา”
ในโอกาสครบรอบ 50 ปีบนเส้นทางนักเปียโน ขอเชิญชมคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย "50 Years Nat Yontararak The Pianist" การแสดงที่รวบรวมบทเพลงทรงคุณค่าตลอดชีวิตของ ณัฐ ยนตรรักษ์ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 19.00 น. สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ THAITICKETMAJOR หรือทางไลน์ @SalaSudasiriSobha มอบรายได้จากการขายบัตรให้แก่กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย เพื่อสนับสนุนศิลปินไทยทุกแขนง
________________________________________
ติดตาม CGN Thai News ข่าวสารสำหรับคริสเตียนไทย ได้ทาง Facebook