เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้

เมื่อความเชื่อและความรักเอาชนะมะเร็ง คำพยานแห่งอ้อมกอดพระเจ้าของสาวฟิลิปปินส์ในไทย
พลังแห่งความเชื่อและความเมตตา ที่ช่วยชีวิตวัยรุ่นฟิลิปปินส์ในกรุงเทพฯ เอาชนะมะเร็ง

บางครั้ง พระเจ้าทรงพาเราออกเดินทางไกลจากบ้านเกิด ก่อนที่หัวใจจะพร้อมรับมือกับความโดดเดี่ยว การเริ่มต้นใหม่ในประเทศที่ไม่คุ้นเคยอาจเต็มไปด้วยความสับสน แต่ท่ามกลางเส้นทางที่ไม่แน่นอนนั้น พระองค์ยังคงซ่อน "อ้อมกอดแห่งพระคุณ" ไว้ในรูปแบบที่คาดไม่ถึงเสมอ

นี่คือเรื่องราวของ บลังกา เฮเซล แอน มารีย์ หรือเฮเซล วัยรุ่นชาวฟิลิปปินส์จากเมืองดาเวา เกาะมินดาเนา ที่ย้ายมาอยู่กับแม่ในประเทศไทย ช่วงแรกของการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยความเงียบเหงา เธอไม่มีเพื่อน ไม่มีใครพูดภาษาของเธอ แต่ไม่นานนัก ประเทศไทยก็ค่อยๆ โอบอุ้มเธอด้วยความอบอุ่นและไมตรี

จนกระทั่งชีวิตพลิกผัน เมื่อเฮเซลอยู่ชั้นมัธยมปลายได้เพียงครึ่งทาง



เผชิญหน้าความมืดมิด

อายุเพียง 15 ปี เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน ระยะที่ 4 มะเร็งที่เกิดในระบบน้ำเหลือง ส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อาการเริ่มจากการไอนานหลายเดือน ก่อนจะไอเป็นเลือด และพบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่คอและหน้าอก

เธอได้รับข่าวร้ายที่โรงพยาบาล โดยมะเร็งของเธอลุกลามไปถึงระหว่างหัวใจและปอด "ฉันจำได้ว่าตอนนั้นอยู่คนเดียวในห้องฉุกเฉิน โทรศัพท์ก็แบตหมด ฉันกลัวมาก" เธอเล่า "แต่แล้วแพทย์ฝึกหัดคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้โทรหาแม่ รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ"

ความเมตตาเล็กๆ ครั้งนั้น กลายเป็นประกายแห่งความหวังในวันที่มืดมนที่สุดของชีวิต


ความเชื่อที่ยึดเหนี่ยว

การรักษาเริ่มต้นขึ้นด้วย เคมีบำบัด 6 รอบ และการฉายรังสี 25 ครั้ง แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเธอไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดทางกาย หากคือการพยายามยิ้มให้ครอบครัวเชื่อว่าเธอยัง "โอเค"



"ความเชื่อของฉันกลายเป็นสมอเรือ" เฮเซลพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ "การนมัสการคือสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันพูดคุยกับพระเจ้าได้ แม้ไม่รู้จะพูดอะไร"

ในรอบที่สองของเคมีบำบัด เพลง In Jesus’ Name ของ Hillsong ดังขึ้นในห้อง เธอจำได้ว่ามีท่อนหนึ่งที่ผู้ร้องประกาศชัยชนะเหนือโรคมะเร็ง และคำนั้นเหมือนพลังที่ยกเธอขึ้นจากความสิ้นหวัง

ข้อพระคัมภีร์ที่ยึดมั่นในเวลานั้นคือ 1 ยอห์น 4:4  "...เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในพวกท่าน ยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก" เธอบอกว่า ข้อพระคำนี้ช่วยให้เธอจำได้ว่า ไม่มีสิ่งใดใหญ่เกินกว่าพระเจ้า แม้แต่มะเร็งระยะสุดท้าย

ครั้งหนึ่ง เธอเคยบอกแม่ว่าอยากยอมแพ้ และเริ่มเขียนจดหมายลาจากคนที่รัก แต่ในวินาทีที่หัวใจอ่อนแรงที่สุด เธอกลับรู้สึกเหมือนบางสิ่งเปลี่ยนไป "พระเจ้าทรงนำความเจ็บปวดบางส่วนออกไป" เธอกล่าว "ฉันไม่ได้อธิษฐานขอให้หาย แต่ขอแค่อ้อมกอดจากพระองค์... และพระองค์ก็ประทานให้จริงๆ"



ความรักที่โอบอุ้ม

ในช่วงที่ต่อสู้กับโรค เฮเซลได้เห็นน้ำพระทัยของพระเจ้าผ่านผู้คนรอบข้าง เพื่อนๆ ทั้งชาวฟิลิปปินส์และไทย รวมถึงคริสตจักรที่เธอไม่ได้เป็นสมาชิก ต่างร่วมอธิษฐาน ระดมทุน และคอยหนุนใจเธอ

"ครอบครัวไม่ได้หมายถึงสายเลือดเสมอไป" เธอกล่าว "แต่คือผู้คนที่อยู่เคียงข้างเมื่อเราต้องการที่สุด"

หนึ่งในครูชาวไทยยังเดินทางไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล เรื่องราวเล็กๆ แบบนี้ทำให้เธอเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงสำแดงความรักผ่านผู้คนรอบตัว

เดินต่อด้วยหัวใจที่ฟื้นใหม่

หลังจากการรักษาผ่านพ้น เฮเซลกลับมาเรียนต่อ และเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งกว่าเดิม "วัฒนธรรมไทยสอนฉันว่าความสำเร็จไม่ใช่แค่การโดดเด่น แต่คือการยกชูซึ่งกันและกัน"





วันนี้ เธอรับใช้พระเจ้าผ่านการนมัสการที่คริสตจักรในกรุงเทพฯ เล่นกลอง กีตาร์ และใช้เสียงเพลงเป็นเครื่องมือเยียวยาทั้งตนเองและผู้อื่น "ฉันใช้ชีวิตเหมือนทุกวันคือของขวัญจากพระเจ้า"



เธอฝากข้อความถึงคนหนุ่มสาวที่กำลังต่อสู้กับโรคภัยว่า "คุณไม่ได้อ่อนแอ และคุณไม่ได้เป็นภาระ นี่เป็นเพียงอุปสรรคเล็กๆ ในเส้นทาง แต่ไม่ได้กำหนดตัวตนของคุณ"

เฮเซลทิ้งท้ายอย่างมั่นใจว่า "คุณถูกเลือก ถูกรัก และถูกสร้างมาอย่างมีจุดประสงค์ พระเจ้าทรงใหญ่กว่าความเจ็บป่วยใดๆ เสมอ"

เรื่องราวของเฮเซล ไม่ได้เป็นเพียงบันทึกของการต่อสู้กับโรคมะเร็ง แต่คือคำพยานแห่งความเชื่อที่ประกาศว่า ไม่มีระยะทางใดไกลเกินอ้อมกอดของพระเจ้า และไม่มีความมืดใด ที่แสงแห่งพระคุณจะส่องไม่ถึง



ที่มา: The Filipinos of Thailand




________________________________________

ติดตาม CGN Thai News ข่าวสารสำหรับคริสเตียนไทย ได้ทาง Facebook