เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้

เมื่อการนมัสการไม่ถูกจำกัดแค่ในโบสถ์ "Worship Night Everywhere" เพลงสรรเสริญกลางกรุงเทพฯ และทุกที่

เมื่อการนมัสการไม่หยุดแค่ในคริสตจักร และเริ่มในบาร์ใจกลางเมือง เมื่องานที่เห็นไม่ใช่ "งานอีเวนต์" แต่เป็นพื้นที่ให้ผู้เชื่อได้หยุดพัก เติมพลังใจ และเจอพระเจ้าในทุกที่

เย็นวันศุกร์ครั้งหนึ่งในกรุงเทพฯ บาร์แจ๊สเล็กๆ ผนังสีขาวที่ประดับไปด้วยกรอบรูป สถานที่เดิมแต่บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แทนที่จะมีแก้วเครื่องดื่มถูกยกขึ้นชน แต่กลับเป็นเสียงดนตรีกำลังเกริ่นทำนองที่แสนอบอุ่น และเสียงคนหลายสิบชีวิตค่อยๆ ร่วมกันร้องในท่อนเดียวกัน เสียงที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อความบันเทิง แต่เพื่อการนมัสการพระเจ้า

นี่คือภาพของ  Worship Night Everywhere  การเคลื่อนไหวเล็กๆ ที่เริ่มจากกลุ่มคริสเตียนไม่กี่คน และค่อยๆ ขยายกลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในเมืองใหญ่ พวกเขากำลังพิสูจน์ว่าการนมัสการไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ภายในคริสตจักร หรือช่วงเวลาเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น แต่มันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ แม้กระทั่งในบาร์แจ๊ส ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของค่ำคืนที่วุ่นวาย ไปจนถึงงานล่าสุดที่ Gaysorn Urban Resort ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้กลางกรุงเทพฯ เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2025


 งานนมัสการ Worship Night Everywhere ที่ Gaysorn Urban Resort เดือนสิงหาคม 2025 (ภาพ: Bulakorn Makhueankhan)

จุดเริ่มต้นจากกลุ่มเล็กๆ

ทุกอย่างเริ่มขึ้นอย่างเรียบง่าย ในเดือนตุลาคม 2023 คุณเอ ณธารา ธวัตน์ธารา ถูกเรียกให้มาสอนพระคัมภีร์ในกลุ่มเซลล์เล็กๆ ของเพื่อนฝูง ไม่มีเวที ไม่มีสปอตไลต์ มีเพียงพระคัมภีร์บนโต๊ะกาแฟและหัวใจที่หิวกระหายพระเจ้า

แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปีต่อมา พวกเขาตัดสินใจเช่าวิลล่าเล็กๆ เพื่อใช้เวลาร่วมกัน มันไม่ได้เป็นเพียงการพักผ่อน แต่กลายเป็นพื้นที่ที่ผู้คนได้สัมผัสพระเจ้าผ่านการนมัสการอย่างแท้จริง และตรงนั้นเอง คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ภายหลังจะถูกเรียกว่า Worship Night Everywhere


กิจกรรมจับกลุ่มเพื่อแบ่งปัน หนุนใจ และอธิษฐาน ก่อนการนมัสการ  (ภาพ: Bulakorn Makhueankhan)

คู่ที่พระเจ้าจับวาง

นิมิตแห่งการนมัสการที่มีสองชีวิตเป็นผู้ขับเคลื่อน มันคงเป็นคุณเอ ณธารา ธวัตน์ธารา และคุณโวลท์ วิชชุพร จริงจิตร ที่คนหนึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี การจัดการ และระบบเบื้องหลัง อีกคนถนัดด้านเสียงดนตรี การเรียบเรียง และการสร้างบรรยากาศการนมัสการ

โวลท์สารภาพตรงๆ ว่าการกลับมานำการนมัสการครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้าลึกซึ้งขึ้นมาก ไม่ใช่แค่การเล่นดนตรีเพื่อโชว์ฝีมือ แต่เป็นการเล่นเพื่อให้หัวใจคนได้เจอพระองค์ ขณะเดียวกัน เอก็ดูแลเรื่องระบบหลังบ้านทั้งหมด ตั้งแต่การทำเว็บไซต์ การจัดการลงทะเบียน ไปจนถึงงานสื่อสารที่ทำให้คนรู้จัก Worship Night Everywhere มากขึ้น

"เราทำเองไม่ได้หรอก" ทั้งคู่ย้ำกับผู้เขียน "นี่คือสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำ และเราแค่เป็นผู้ร่วมมือ"


คุณเอ ณธารา ธวัฒน์ธารา และคุณโวลท์   วิชชุพร จริงจิตร (ภาพ: CBN Thailand)


การนมัสการที่ไม่ยอมถูกจำกัด


หัวใจของ Worship Night Everywhere คือความเชื่อว่าการนมัสการไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในคริสตจักร พวกเขาจึงตั้งใจชัดเจนว่าจะไม่จัดงานในโบสถ์เลย แต่เลือกพื้นที่ที่คนใช้ชีวิตจริง ตั้งแต่แจ๊สบาร์ ไปจนถึงโรงละคร

ในครั้งแรกๆ พวกเขาเลือก Bluebird Jazz Bar สถานที่เล็กๆ แต่เต็มไปด้วยพลัง โวลท์ถึงกับขอให้ร้านงดขายแอลกอฮอล์ในคืนนั้น และรายได้จากค่าบัตรก็ถูกส่งคืนให้กับร้านเพื่อชดเชยบรรยากาศที่แตกต่าง สิ่งที่น่าทึ่งคือ บัตรถูกขายหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน

และเมื่อถึงงานครั้งที่สี่ พวกเขาก้าวขึ้นเวทีที่ใหญ่ขึ้นอย่างที่ Gaysorn Urban Resort ใจกลางกรุงเทพฯ สถานที่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟและความหรูหรา และมีผู้เข้าร่วมงานนมัสการกว่า 200 คน ซึ่งครั้งนี้ พระเจ้าก็เปิดทางอย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยการทรงนำและการสนับสนุนจากพันธมิตร จากค่าบัตรเข้างานที่คิดเป็นเพียง 30 ถึง 50% ของค่าสถานที่

คุณโวลท์ บอกว่า "ผมได้มีโอกาสเจอพี่ๆ น้องๆ ที่ไม่ได้เจอนานมาก ขอบคุณพระเจ้าที่พาเราได้กลับมานมัสการด้วยกัน อย่างทีมที่เกิดขึ้น คอนเนกชันที่พระเจ้ามี เวลาของพระเจ้าที่ให้กับทุกคน ซึ่งจะอธิษฐานก่อนที่ผมถามใคร ก็เขาก็ยินดีมาร่วมเสมอ พระเจ้ารวมทุกคนมา แล้วผมปล่อยให้เป็น
Flow ของพระเจ้า" ขณะที่คุณเอ ก็บอกว่า "ทุกคนอยู่ด้วยกันแบบอบอุ่น เราได้รับรู้ถึงการทรงสถิตของพระเจ้าด้วยกันค่ะ การนมัสการจะเป็นแบบยืนก็เกรงใจทุกคนอาจจะปวดขา แต่ก็ขอบคุณที่มาร่วมกัน"


คุณโวลท์บอกว่า ตั้งใจที่จะไม่ประกาศรายชื่อนักดนตรีหรือแขกรับเชิญผู้ร่วมงานล่วงหน้า   เพื่อให้คนมาเข้าร่วมเพื่อที่จะนมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริง โดยที่ไม่ได้มาเพื่อคนใดคนหนึ่ง (ภาพ: Bulakorn Makhueankhan)

พลังงานเสริมของผู้เชื่อ

สิ่งที่ Worship Night Everywhere ทำ ไม่ใช่การประกาศกับคนที่ไม่ใช่คริสเตียนโดยตรง แต่คือการเติมพลังให้กับผู้เชื่อ ให้กลับมาเข้มแข็งในพระเจ้า เปรียบเหมือน "แหล่งพลังงาน" ที่คอยชาร์จแบตเตอรี่ฝ่ายวิญญาณ เมื่อผู้เชื่อแข็งแรงแล้ว เขาจะกลับไปเปลี่ยนแปลงที่ทำงาน ครอบครัว และสังคมของตนเอง

นี่จึงเป็นพันธกิจที่เน้น "การเสริมสร้าง" มากกว่าการจัดแสดง แม้แต่รายชื่อนักดนตรีหรือทีมงาน พวกเขายังเลือกที่จะไม่ประกาศล่วงหน้า เพราะไม่ต้องการให้ใครมาด้วยเหตุผลที่มาฟังศิลปินเท่านั้น แต่ต้องการให้ทุกคนมาด้วยใจเดียวกัน "ใจที่อยากพบพระเจ้า"


คุณเออธิบายว่าต้องการทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงาน หรือพลังเสริมให้กับผู้เชื่อ (ภาพ: Bulakorn Makhueankhan)


อนาคตที่ขยายออกไป


Worship Night Everywhere ตั้งเป้าว่าจะจัดงานทุกเดือน งานถัดไปกำหนดไว้ที่ Bluebird Jazz Bar ในวันที่ 10 กันยายน และหลังจากนั้นก็มีแผนขยายไปเชียงใหม่และภูเก็ต

แต่นิมิตและภาระใจของพวกเขาไม่ได้หยุดแค่สถานที่ หากแต่รวมถึงการเห็นชุมชนใหม่ๆ เกิดขึ้น การเห็นการฟื้นฟูในที่ทำงาน การเปลี่ยนแปลงในครอบครัว และท้ายที่สุดคือการตื่นตัวของทั้งเมือง

คุณโวลท์และคุณเอต่างย้ำว่า การเคลื่อนไหวนี้ไม่ควรผูกติดกับพวกเขา แต่ควรดำเนินต่อไปแม้ไม่มีพวกเขา เพราะนี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเริ่มต้น และจะคงอยู่ผ่านชุมชนที่อยากให้การนมัสการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน



พันธกิจหลักของ Worship Night Everywhere คือการ นำผู้เชื่อกลับมาในทางของพระเจ้า ให้เข้มแข็ง และเติบโตขึ้น (ภาพ: Bulakorn Makhueankhan)

มากกว่าการแสดงดนตรี คือการกลับมาหาพระเจ้า

ในท้ายที่สุด Worship Night Everywhere ไม่ได้นำเสนอเพียงคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมทางศาสนา แต่คือการเปิดพื้นที่ให้คนได้หยุดพักจากความเร่งรีบและความเครียดของเมืองใหญ่ เพื่อนำคนกลับมาในทางของพระเจ้า พบเจอพระเจ้าอย่างจริงใจ

"เราอยากให้การนมัสการของพระเจ้าเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ โดยที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบคริสตจักร เราอยากที่จะนำคนของพระเจ้าที่อาจจะหลงหายไป ลืม หรือไม่ค่อยมีเวลาอยู่ในทางของพระเจ้า กลับมาหาพระเจ้าผ่านกลุ่มเล็กๆ ของเรา จุดประสงค์หลักๆ คือหนูอยากที่จะให้เขารื้อฟื้นความสัมพันธ์ของพระเจ้าคุณเอกล่าว

ขณะที่คุณโวลท์กล่าวว่า
"เราไม่จำกัดว่าจะเป็นที่แค่ที่บลูเบิร์ดหรือว่าจะเป็นที่ไหน แต่ว่าถ้าเกิดใครมีภาระใจและอยากให้การนมัสการพระเจ้าเกิดขึ้น สามารถติดต่อและบอกเราได้ เรายินดีที่จะนำพาการนมัสการของพระเจ้าไปถึงที่นั่น" คุณโวลท์ยังบอกเพิ่มเติมว่า 
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะไม่เข้ากระเป๋าใครแม้มีค่าบัตร ซึ่งค่าบัตรทุกครั้งจะเป็นค่าสถานที่ โดยทีมงานทุกคนที่ร่วมจัดและทีมนมัสการ จะร่วมกันจ่ายค่าสถานที่ด้วยเช่นกัน 


หากคุณรู้สึกเหนื่อย เหงา หรือกำลังต้องการการเติมพลังใจ Worship Night Everywhere เชิญชวนให้ลองก้าวเข้ามา และอาจจะพบว่าการนมัสการไม่จำเป็นต้องรอถึงวันอาทิตย์ที่คริสตจักร แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ แม้กระทั่งกลางบาร์เล็กๆ ในคืนวันศุกร์ คืนหนึ่งของกรุงเทพฯ 

ติดตามและเข้าร่วม Worship Night Everywhere ได้ที่ Line Official Account: @Worshipnight หรือเว็บไซต์ Worshipnight.life และบางที คุณอาจจะได้คำตอบทางจิตวิญญาณ และพบครอบครัวฝ่ายวิญญาณที่คุณไม่รู้ว่ากำลังรอคุณอยู่







________________________________________


ติดตาม CGN Thai News ข่าวสารสำหรับคริสเตียนไทย ได้ทาง Facebook