"ดีน่า" วางอนาคตทางโลก เพื่อค้นพบความมั่นคงในพระหัตถ์ของพระเจ้า
"ดีน่า" วางอนาคตทางโลก สู่การทรงเรียกด้วยความเด็ดเดี่ยว เพื่อค้นพบความมั่นคงในพระหัตถ์ของพระเจ้า
ในสังคมที่มักมองว่าใบปริญญาและอาชีพการงานคือสิ่งรับประกันอนาคต น้องดีน่า หรือ นางสาวนารดา แซ่จัง วัย 20 ปี กลับเลือกเดินเส้นทางที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เธอตัดสินใจหยุดแผนชีวิตทางโลกชั่วคราว ไม่เดินหน้าต่อมหาวิทยาลัย แต่หันไปเรียนพระคัมภีร์และแสวงหาการรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มตัว การตัดสินใจนี้สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนรอบข้าง แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนหัวใจแห่งความเชื่อฟังและความไว้วางใจในแผนการเฉพาะของพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง

การตอบสนองต่อคำถามแห่งการทรงเรียก
ดีน่าไม่เคยมองว่าการศึกษาไม่สำคัญ เธอเชื่อว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งที่เราต้องทำตลอดชีวิต แต่ในเวลาเดียวกัน เธอรู้ว่าพระเจ้าทรงกำลังเรียกเธอไปในทิศทางที่ต่างออกไป การเลือกเส้นทางนี้จึงไม่ง่ายเลย เพราะเต็มไปด้วยความสับสน ความกังวล และความกลัวว่าเธอตัดสินใจถูกหรือไม่ จนหลายครั้งเธอถึงกับร้องไห้และถามตัวเองซ้ำๆ
แต่เมื่อพระเจ้าทรงคอนเฟิร์ม ในใจเธออย่างชัดเจน ความกลัวกลับกลายเป็นความมั่นใจ เธอได้เข้าใจความจริงสำคัญว่า "ความมั่นคงไม่ได้อยู่ที่ใบปริญญา แต่อยู่ที่พระเจ้า" เมื่อพระเจ้าทรงเรียก สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือ เชื่อฟัง เดินตาม และสวมคำถามของพระเจ้าที่ดังก้องในใจเสมอว่า "ลูกจะเชื่อฟังเราไหม"
เธอเชื่อว่า หากวันนั้นไม่ได้ก้าวออกมาตอบสนอง เธอคงพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้การพึ่งพาพระเจ้ามากขึ้น การทำพันธกิจทำให้เธอขยับเข้าใกล้พระองค์ทุกวัน และทำให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าลึกซึ้งกว่าที่เคย

ก้าวแรกในสนามพันธกิจ: บ้านโมเสส
ปัจจุบัน ดีน่ารับใช้พระเจ้าเต็มเวลา โดยมีพันธกิจหลักคือเข้าไปดูแลและรับใช้เด็กๆ ใน "บ้านโมเสส" ชุมชนสะพานศิริ แม้จะต้องเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง เธอก็ยังคงทำพันธกิจที่นั่นเดือนละสองครั้งในวันพุธและวันเสาร์
นอกจากนี้ เธอยังรับใช้ที่คริสตจักรย่านลาดพร้าว 80 รวมถึงร่วมทำพันธกิจกับ W501 และ Crossover ทั้งการเป็นพยาน เล่าเรื่องราวชีวิต และนำนมัสการในหลายคริสตจักร
แรงบันดาลใจในการรับใช้เด็กๆ เริ่มต้นเมื่อเธอร่วมงานกับทีมรับใช้จากสวิตเซอร์แลนด์เมื่อต้นปี 2024 วันแรกที่เข้าไปในบ้านโมเสส เธอสัมผัสได้ทั้งสันติสุขและภาระใจที่พระเจ้าทรงวางไว้ให้กับเธอโดยเฉพาะ

หว่านเมล็ดพันธุ์ด้วยความรักและความอดทน
พันธกิจในชุมชนเป็นงานที่ท้าทาย เพราะเด็กๆ เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก การหวังให้เกิดผลทันทีจึงแทบเป็นไปไม่ได้ ดีน่าตระหนักว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นด้วยเวลา ความอดทน และความรัก
เธอเชื่อว่าข่าวประเสริฐถูกสำแดงได้ผ่านชีวิตของผู้เชื่อ และการรับใช้คือการ "จ่ายราคา" พร้อมทั้ง "ให้" ไปพร้อมกัน เธอจึงมุ่งหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพระคำลงไปในหัวใจเด็กๆ แม้พวกเขาจะยังไม่เข้าใจทันที แต่สิ่งสำคัญคือทำให้พวกเขารู้ว่าพระเจ้ารัก และพวกเขามีคุณค่าในสายพระเนตร
หนึ่งในบทเรียนที่เธอสอนเด็กๆ คือเรื่องคุณค่าในสายตาพระเจ้า โดยใช้ธนบัตรใบหนึ่งเป็นตัวอย่าง แม้จะถูกขยำ ยับ หรือเหยียบ มูลค่าของมันก็ยังอยู่ เช่นเดียวกับชีวิตของเด็กๆ ไม่ว่าเขาจะเจออะไรหรือรู้สึกด้อยค่าเพียงใด คุณค่าที่พระเจ้าประทานให้ไม่เคยลดลงเลย

หัวใจของผู้รับใช้ และผลลัพธ์ที่ปรากฏในชีวิต
ดีน่าเล่าว่า เธอไม่เคยรู้สึกว่าช่วงชีวิตของเธอ "หายไป" แม้จะไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่กลับรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เธอรู้จักตัวเองมากขึ้น การรับใช้ไม่ใช่เพียงการทำเพื่องานของพระเจ้า แต่เป็นโอกาสที่เราจะมอบโอกาสให้กับผู้อื่นเช่นกัน
เธอเชื่อว่า คุณสมบัติของผู้รับใช้ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถพิเศษ แต่เริ่มต้นจากหัวใจที่สำนึกในพระคุณ และปรารถนาจะตอบแทนพระองค์ ทุกคนมีของประทานเฉพาะที่พระเจ้าประทานไว้อย่างเจาะจง
เธอกล่าวว่า "ไม่เคยรู้สึกเลยว่าช่วงชีวิตตัวเองหายไป แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น มันทำให้รู้ว่าพระเจ้ามีเส้นทางที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเรา"
ตราบใดที่พระเจ้าทรงเรียก และเราไม่ละเลยที่จะตอบสนอง เธอก็พร้อมจะรับใช้ต่อไป แม้งานจะหนักหรือท้าทายเพียงใด เพราะความสุขแท้จริงเกิดจากการเดินตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และพึ่งพาพระองค์อย่างสม่ำเสมอ

เรื่องราวของดีน่าเป็นบทพิสูจน์ถึงความจริงในพระคำว่า หากเรามอบชีวิตไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระองค์จะทรงนำเราไกลเกินกว่าที่เราคาดคิดหรือทูลขอ มันเหมือนการขึ้นเรือที่ปลายทางอาจดูไม่ชัดเจน แต่เมื่อพระเจ้าเป็นกัปตัน การเดินทางนั้นย่อมนำไปสู่การเติบโต ความหมาย และความมั่นคงที่แท้จริงเสมอ
ชมรายการเต็มได้ใน The Survivor ภารกิจ ชีวิต ความรอด ตอน
"พระเจ้าเรียกประกาศกับเด็กในชุมชน" ได้ทาง
CGN Thai________________________________________
ติดตาม CGN Thai News ข่าวสารสำหรับคริสเตียนไทย ได้ทาง
Facebook