เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้
ผลิตภัณฑ์เสื้อและเครื่องแต่งกายสำหรับกีฬา Warrix ที่เริ่มต้นโดยคุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด เป็นคุณค่าที่เกิดจากความเชื่อในพระเจ้า วิศัลย์นำพาแบรนด์เข้าสู่ตลาดระดับโลก และยังใช้แพลตฟอร์มของเขาเพื่อเป็น "เกลือและแสงสว่าง" ในโลกธุรกิจ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจและการเผชิญวิกฤตตลาดหลักทรัพย์
วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล หรือ ฮิม ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ CGN Thai News กับการสะท้อนถึงบทบาทของพระเจ้าในชีวิตและการทำธุรกิจ ที่ความเป็นนักรบของพระเจ้า คือที่มาของแบรนด์ Warrix
วัยรุ่นที่ต้องดินรนหาเลี้ยงตัวเองและน้อง จนวันที่พบพระเจ้า
"ตอนนั้นมัน ธุรกิจของคุณพ่อเนี่ยเรียกว่าธุรกิจเจ๊งแล้วกัน ธุรกิจประสบปัญหาแล้วก็ต้องขายทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อชำระหนี้แบงก์ แต่คุณพ่อก็ไม่ได้ล้มละลายนะ มันก็เป็นธุรกิจที่ปิดลง ปิดลงเสร็จปุ๊บรายได้ก็ไม่มีในส่วนของครอบครัว ตอนอายุ 14 ตอนนั้นน่ะที่จำได้แม่นเพราะยังไม่ได้ทำบัตรประชาชน ประมาณ ม.2 ถ้าจำไม่ผิด
"ช่วงนั้นน่ะเป็นช่วงที่จะต้องดิ้นรนหารายได้เลี้ยงตัวเองนะ ก็เริ่มจากการไปสอนพิเศษหรือไปถ่ายรูป ตอนนั้นมันก็เกิดปัญหาชีวิตแต่เราก็ใช้ความรู้ ความสามารถที่เรามีนะครับ ไปหารายได้มาเลี้ยงตัวเองแล้วก็เลี้ยงน้องอีก 2 คน ที่ต้องเรียนต่อ
"2 ปีก่อนที่จะมาเชื่อพระเจ้า 2 ปีนั้นก็เป็นปีที่ชีวิตพลิกผัน เรียนรู้ว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต แต่พอได้มีโอกาสมาโบสถ์ มานมัสการ มาสัมผัสถึงความรักของพระเจ้าผ่านการนมัสการเนี่ย ก็เปิดใจทำให้ คิดว่าเป็นวันที่เริ่มต้นเรียนรู้ว่าพระเจ้าเป็นจริงนะ ทรงพระชนม์อยู่ เป็นพระเจ้าที่ไม่ใช่แค่อยู่ในหนังสือไบเบิ้ล ก็เริ่มต้นรู้จักพระเจ้านับตั้งแต่ช่วงประมาณ ม.4 ก็ 30 กว่าปีมาแล้ว นับแต่วันนั้นเนี่ยก็เป็นวันที่คิดว่าพระเจ้าก็เตรียมชีวิต ได้เรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ พระเจ้าเลือกให้ในเรื่องของการเรียนว่าจะเรียนต่ออะไร เลือกให้ในเรื่องงานด้วย เชื่อว่าโอกาสต่าง ๆ มีมากมายในชีวิต แต่เราก็เลือกที่จะไปเรียนที่ไหน ทำงานอะไร แล้วก็มีเป้าหมายในการที่มาเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเนี่ย ก็เชื่อว่าเป็นการจัดเตรียมของพระเจ้าทั้งสิ้น"
ความเป็นนักรบของพระเจ้า สู่แบรนด์ Warrix
"วอริกซ์เนี่ยเป็นแบรนด์ที่สร้างมาเนี่ยจากชีวิต จากประสบการณ์ ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่สู้ชีวิต แล้วตลอดทางการสู้ชีวิตก็คือพระเจ้าอยู่ด้วย พระเจ้าเป็นผู้ที่นำให้เราต้องมาสู้ แล้วพระเจ้าก็เป็นคนสอนให้เราสู้ พระเจ้าก็เป็นคนกำหนดผลลัพธ์ไว้แต่ต้น ตั้งแต่ก่อนเราจะสู้แล้ว เพราะงั้นการสู้ชีวิต สร้างชีวิตตัวเอง ก็มาจากสิ่งที่พระเจ้าเตรียมให้ แล้วก็ไปด้วกันกับสิ่งที่พระเจ้าเตรียม
"การสู้ชีวิตในมุมมองที่พระเจ้าเป็นนักรบก็คือก็ต้องสู้กับตัวเองก่อนเลย สู้กับความคิดตัวเอง สู้กับคู่แข่ง สู้กับสิ่งที่มันเป็น อยู่ในโลกธุรกิจต้องสู้กับหลายอย่างมาก ก็คิดว่ามุมมองนี้เรานำมาใช้ความรู้จากในพระคัมภีร์ ในมุมมองที่พระเจ้าเป็นนักรบ นักสู้ เป็นวอริเออร์ เอามาสร้างแบรนด์วอริกซ์ ที่เป็นแบรนด์ของนักสู้แบบที่เป็นสุภาพบุรุษ แบบที่พระเจ้าเป็น"
สร้างผลกระทบกับสังคมผ่านโลกของกีฬา
"ถือเป็น Mission of Honor เลย คำนี้เคยเป็นแคมเปญในเสื้อรุ่นหนึ่งเลยนะ คำว่า Mission of Honor เป็นภารกิจที่รู้สึกว่าได้รับเกียรตินะ ในการมาทำหน้าที่ตรงนี้ แต่ทั้งหมดที่ได้รับโอกาสก็เชื่อว่าเป็นโอกาสที่เราจะสร้างผลกระทบกับสังคมผ่านกีฬา ซึ่งโลกกีฬาจริง ๆ มีผลกระทบกับสังคมมากนะ ฟุตบอลนี่เกือบจะเป็นศาสนาหนึ่งของโลกเลยนะ ก็คิดว่าพระเจ้าใช้ให้มาอยู่ในโลกของกีฬา แล้วกีฬาเนี่ยก็เป็นสิ่งที่เปิดใจคนได้ แล้วสิ่งที่เข้ามาอยู่ในการสปอนเซอร์ฟุตบอลทีมชาติไทยเนี่ย ก็คิดว่าพระเจ้าเลือกจัดสรรจัดเตรียมให้ ถ้าไม่ใช่เวลาช่วงนั้นน่ะไม่มีโอกาสได้เลย เพราะว่าปีนั้นเป็นปีที่ FIFA กวาดล้างทุจริตทั่วโลก ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในจังหวะที่มีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารสมาคมฟุตบอลให้เกิดคำว่า Fair Play และโปร่งใส ก็เลยเป็นโอกาสที่พี่เข้าไปเสนอแข่ง ก่อนหน้านั้นไม่มีทาง
"พอมีโอกาสปุ๊บพี่ก็เสนอดู แต่ตัวเลขที่ใส่เนี่ย อธิษฐานเยอะมากเลยว่าใช่รึเปล่า ถ้าใช่พระเจ้านำเลย แล้วต้องรอดด้วย เพราะถ้าใส่ไปแล้วไม่รอดคือตอนนั้นก็เสี่ยงมากเลย ใส่ตัวเลขสูงมากเลย ปีหนึ่ง ร้อยล้านเลยล่ะ ในขณะที่ธุรกิจแค่ปีละ 180 ล้าน แต่ก็คิดว่าพระเจ้านำ แล้วก็อธิษฐานตลอดว่าเราควรเดินหน้าในทางนี้ไหม ถ้าใช่พระเจ้าก็นำ ถ้าไม่ใช่พระเจ้าปิดประตู ด้วยความเป็นมนุษย์เราก็ยังลังเล ใช่รึเปล่า มันรู้สึกมันยากนะ ก็ถอยกลับไปนั่งคิดเหมือนตอนสมัยเรียน รู้สึกว่าสิ่งที่เราเรียนมันยากนะแต่เราก็ผ่านมันได้ทุกครั้ง ผ่านมาได้ด้วยดีด้วย
"การทำภารกิจต่าง ๆ ที่พระเจ้าใช้เนี่ยหลาย ๆ อย่างมันก็ยากนะ เช่น เคยต้องไปพูดต่อหน้าคนเป็นหมื่น ไม่ง่ายนะ แต่เราก็อธิษฐาน พระเจ้าก็นำเราไป ทำทุกภารกิจสำเร็จได้ ก็เป็นหนึ่งภารกิจที่พระเจ้านำเรามาก็ไปกับพระเจ้าด้วย พระเจ้าก็เป็นเพื่อนคู่คิด เป็นผู้ที่นำทาง เป็นผู้เลี้ยงให้มีเพียงพอ
"ก็คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกกับการมีชีวิตที่ได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้นผ่านการทำธุรกิจ ผ่านสัญญาทีมชาติไทย ปัญหาเยอะ แต่ก็เห็นพระคุณพระเจ้า ในฐานะเพื่อน ฐานะผู้ที่ปกป้อง ฐานะผู้ให้ปัญญา ให้ทิศทาง ก็ถ้าไม่ได้เจอเส้นทางที่เรียกว่ายาก ๆ เราก็จะรู้จักพระเจ้าน้อยลงไปเยอะเลย"
เป็นเกลือและแสงสว่างในโลกธุรกิจ ฝ่าวิกฤตในตลาดหลักทรัพย์
"มั่นใจว่า สิ่งที่พูดว่าเป็นเกลือและแสงสว่างในโลกธุรกิจวันนี้ พระเจ้าก็ใช้มา แล้วก็มั่นใจว่ายังอยู่ในร่องในรอยที่พระเจ้าพึงพอใจ มุมมองที่พระเจ้านำตั้งแต่ตอนนำบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ตอนนั้นก็มีมุมมองที่อธิษฐานให้พระเจ้านำว่า ควรเสนอ Underwriter หุ้นอย่างไร กระจายหุ้นให้กับสถาบันการเงินมากกว่าครึ่งมันทำให้เสถียรภาพหุ้นมีในช่วงหนึ่ง ก่อนที่ตลาดหุ้นจะดิ่งจาก 1,700 จุดลงมา ตรงนั้นเนี่ยก็มีเสถียรภาพระดับหนึ่งก่อนที่จะต้องเกิดเหตุการณ์ที่เราก็ไม่รู้ว่าตลาดหุ้นประเทศไทยจะดิ่งลงมาถึงจุดปัจจุบัน นั่นก็ทำให้เรียนรู้และเข้าใจว่าความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นมีสูง
"เราก็เรียนรู้จากสิ่งต่าง ๆ ว่าจริง ๆ ณ เวลานั้นฟังเสียงพระเจ้าน้อยไปไหม หรือเราล่วงรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าเตือนช้าไปไหม แต่ก็ทั้งหมดนี้ก็คิดว่าพระเจ้าให้เจอเหตุการณ์นี้ เพื่อในวันข้างหน้าจะระมัดระวัง รอบคอบ ที่จะคิดมากขึ้นอธิษฐานมากขึ้น ก่อนจะตัดสินใจในสิ่งต่าง ๆ เพราะถือว่าทั้งหมดนี้เป็นทรัพย์สินของพระเจ้า เรามีหน้าที่ดูแล บางทีเราอาจจะฟังเสียงพระเจ้าน้อยไปแล้วเราก็ผิดพลาดไปในบางประเด็น แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่เห็นและเรียนรู้ว่าพระเจ้าอยู่ด้วยตลอดทุกเหตุการณ์
"ช่วง 2-3 เดือนที่แล้วก็มีวิกฤตนี้ล่ะ ช่วงเนี้ยก็ถือเป็นวิกฤตที่หนักหนาอยู่ในชีวิตมีความเครียด มีความ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเนี่ยเยอะมาก เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ๆ มากมายในโลกธุรกิจ ในตลาดทุน แต่ก็เลือกที่จะไม่โต้ตอบใครและจะดำเนินการในทางกฎหมายแบบสุจริต แล้วเราก็ไม่อยากไปนั่งเล่นเกมที่ไม่ถูกต้อง เราก็เล่นเกมบนโต๊ะ สุจริตตลอดในทุก ๆ เหตุการณ์ธุรกิจที่ผ่านมา ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ยึดถือมาตลอด
"ก่อนหน้านี้มันก็จะมีตั้งแต่ 2 ปีที่เข้าตลาดหลักทรัพย์มา ปีกว่า ๆ เกือบ 2 ปีเนี่ย มันก็จะมีคนมากมายมาชวนทำนู่นทำนี่ที่ไม่ดี พี่ก็ปฏิเสธตลอดว่าไม่เอา ๆ แล้วเวลามีวิกฤตต่าง ๆ เนี่ย คนที่รู้จักตัวพี่ฮิมดีเนี่ย เขากล้าการันตีให้พี่ด้วยซ้ำว่า สิ่งที่พี่ทำเนี่ยเขามั่นใจว่า พี่ทำด้วยเจตนา สุจริตทั้งหมด อันนี้เราก็มองว่าสิ่งที่เราทำไว้ต่าง ๆ คนที่เขารู้จักเรา เขาก็เชื่อมั่นในตัวเรา ก็เป็นสิ่งที่คิดว่าพระเจ้าก็อยู่ด้วย แล้วสักวันเรื่องต่าง ๆ มันคลี่คลายเปิดเผยออกสู่สาธารณะ ก็มั่นใจ กล้าพูดเต็มปากว่าเราก็ยึดถือทางของคนชอบธรรม ทางสุจริต ไม่เลือกทางที่มันไม่ชอบธรรม"
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของชีวิตคุณวิศัลย์ ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับความท้าทายส่วนตัว แต่ยังต้องนำพาธุรกิจให้รอดพ้นจากแรงกดดันในโลกธุรกิจ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและการแข่งขันที่ดุเดือด การตัดสินใจแต่ละครั้งเต็มไปด้วยการอธิษฐานและการวางใจในพระเจ้า
"ทุกการลงทุน ทุกโครงการ พระเจ้าเป็นผู้กำหนดจังหวะเวลาและแนวทาง" คุณวิศัลย์กล่าวถึงการเป็นผู้นำองค์กรด้วยความซื่อสัตย์ และการยืนหยัดในหลักการความชอบธรรม แม้ต้องเผชิญกับทางเลือกที่ไม่ถูกต้อง การวางใจในพระเจ้าทำให้เขาเห็นทางออกที่ชัดเจน และสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ Warrix
________________________________________
ติดตาม CGN Thai News ข่าวสารสำหรับคริสเตียนไทย ได้ทาง Facebook