เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้
ศิษยาภิบาลในสหรัฐฯ ชี้ "การอดอาหาร" คือการปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่ถูกละเลยมากที่สุดในยุคสมัยปัจจุบัน และเชื่อว่าควรรวมถึงเทคโนโลยีด้วย
ดร.แดเรน ไวท์เฮด ศิษยาภิบาลอาวุโสคริสตจักร Church of the City ในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ได้ออกหนังสือชื่อ The Digital Fast: 40 Days to Detox Your Mind and Reclaim What Matters Most ซึ่งกล่าวถึงความสำคัญของการนำหลักการของการอดอาหาร มาประยุกต์ใช้กับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
ไวท์เฮดได้กล่าวถึงความสำคัญของการอดอาหารอธิษฐานในบทสัมภาษณ์กับ CBN News โดยกล่าวว่า การอดอาหาร หรือ Fasting เป็นการ "เอาตัวเองออกจากสิ่งต่างๆ ในโลกนี้เพื่อมุ่งเน้นไปที่พระเจ้า" และยกตัวอย่างการที่พระเยซูทรงอดอาหาร 40 วันก่อนเริ่มพันธกิจ และกล่าวว่า โบสถ์ของเขาจะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการอดอาหาร
"ผมเป็นผู้สนับสนุนการช่วยให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมในการอดอาหารจากอาหารหลายครั้งในแต่ละปี หรือในช่วงเวลาที่เป็นประจำ" ไวท์เฮดกล่าว "ในฐานะคริสตจักร เราจะใช้ 21 วันแรกของปี เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีช่วงเวลาแห่งการอธิษฐานและการอดอาหาร"
ในส่วนของความเชื่อที่ว่า การอดอาหารอาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้นในปัจจุบัน ไวท์เฮดได้ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ในสังคมปัจจุบัน โดยอธิบายว่าในยุคนี้ เราได้รับการตอบสนองทุกความต้องการได้ในทันที และมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ถึงแม้ว่าการอดอาหารมักจะเกี่ยวข้องกับอาหาร แต่ไวท์เฮดยังส่งเสริมให้ผู้คนพิจารณาเรื่องเทคโนโลยีที่มีบทบาทในชีวิตของเรา โดยในหนังสือของเขา เขาได้เชิญชวนให้ผู้คนพิจารณาการ "สมาร์ทโฟนฟาสติ้ง" หรือการงดการใช้อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี
"เหตุผลที่ผมอยากให้มีการงดใช้อุปกรณ์ดิจิทัลคือ การที่เราใช้เทคโนโลยีในลักษณะเดียวกับการใช้อาหาร" ไวท์เฮดกล่าว "โดยทั่วไปเรามักจะหันไปหาอาหารเมื่อรู้สึกวิตกกังวล เมื่อเรากลัว หรือเมื่อเรามีความรู้สึกละอายใจเกี่ยวกับบางสิ่ง"
ไวท์เฮดเชื่อว่า เทคโนโลยีมักถูกใช้ในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะในฐานะที่เป็นทางออกในการหลีกหนีจากความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์
"สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา คือ แทนที่จะไปหาอาหาร เรากลับไปหาโทรศัพท์" เขากล่าว "และเมื่อคุณรู้สึกไม่ดี รู้สึกวิตกกังวล รู้สึกกลัว หรือรู้สึกละอาย คุณสามารถแค่ปลดล็อกโทรศัพท์ของคุณโดยไม่รู้ตัว และเริ่มเลื่อนดูวิดีโอบนอินสตาแกรมจนลืมความรู้สึกนั้นไป และทันใดนั้น 45 นาทีผ่านไป และคุณจะคิดว่า 'ฉันกำลังทำอะไรกับชีวิตกันแน่?'"
แม้จะดูเหมือนไม่เป็นอันตราย ไวท์เฮดกล่าวว่า การกระทำเช่นนี้สามารถส่งผลกระทบต่อทั้งตัวบุคคลและความสัมพันธ์ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้เวลา
"ผมกำลังพลาดอะไรไปบ้างในการสังเกตลูกๆ ของผม เพราะผมใช้เวลาไปกับสิ่งไร้สาระแทนที่จะใช้เวลาอยู่กับช่วงวัยเด็กที่ล่วงเลยไป" เขากล่าว
นอกจากนี้ ไวท์เฮดยังเตือนว่า ความหมกมุ่นกับเทคโนโลยีกำลังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า
"ถ้าทุกช่วงเวลาที่เราเลือกได้หมดแล้ว เราก็จะไม่สามารถนิ่งและฟังเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ เราจะไม่สามารถใส่ใจในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราใส่ใจได้" เขากล่าว
ไวท์เฮดยังกล่าวเตือนว่า สมาร์ทโฟนกำลังมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะกับวัยรุ่น ซึ่งกำลังทำลายความเชื่อมั่นในตัวเองของพวกเขา มันขโมยความสนใจไปจากพวกเขา และมันทำให้การเจริญเติบโตทางสังคมของพวกเขาถดถอย
ที่มา: CBN News
________________________________________
ติดตาม CGN Thai News ข่าวสารสำหรับคริสเตียนไทย ได้ทาง Facebook