เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้
นายกรัฐมนตรีเอธิโอเปียและแฟรงคลิน แกรแฮม เรียกร้องสร้าง 'พันธกิจระดับโลกที่เข้มแข็ง' และ 'ประกาศข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญ' ในการประชุมที่เบอร์ลิน
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการนมัสการและความหวัง การประชุม European Congress on Evangelism ปี 2025 ได้จัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน มีศิษยาภิบาลและผู้นำคริสเตียนมากกว่า 1,000 คนจาก 55 ประเทศและดินแดน เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ โดยมีการเรียกร้องอย่างหนักแน่นจากผู้นำสองท่าน ให้มีการฟื้นฟูพันธกิจทั่วโลกและการประกาศข่าวประเสริฐอย่างไม่เหนียมอาย
ดร. อาบีย์ อาเหม็ด (Dr. Abiy Ahmed) นายกรัฐมนตรีเอธิโอเปีย เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2019 ได้กล่าวคำปราศรัยที่ทรงพลัง เรียกร้องให้คริสตจักรยืนหยัดในความเกี่ยวข้องที่สำคัญยิ่งในโลกที่แตกแยกอย่างลึกซึ้ง โดยย้ำว่า "ข่าวประเสริฐเป็นมากกว่าเรื่องส่วนบุคคล แต่มีพลังเปลี่ยนแปลงสังคม"
นายกรัฐมนตรีอาเหม็ด ยังได้เสนอแนวทางหลายประการในการฟื้นฟูพันธกิจ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณอย่างลึกซึ้ง การกลับคืนสู่คุณค่าพื้นฐานของความเชื่อ และการยอมรับว่า "การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเริ่มต้นจากภายใน" นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการยอมรับ ความรักที่ให้เกียรติศักดิ์ศรีของทุกคน "ความรักที่อยู่เหนือกำแพงเชื้อชาติหรือความเชื่อ และข้ามความแตกแยกเพื่อส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจและการไถ่" ความรักแบบนี้ เป็นหัวใจสำคัญของบทบาทสำคัญของการประกาศข่าวประเสริฐ ในการเป็นพลังที่ทลายอุปสรรค เปิดทางให้วัฒนธรรมและประชาชาติแสวงหาสันติภาพโดยมีความเข้าใจร่วมกัน ในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์ เราถูกเรียกให้เป็นเกลือแห่งแผ่นดินโลก แสดงให้เห็นความรักผ่านการกระทำและการงาน
ดร. อาเหม็ด เรียกร้องให้จินตนาการถึงคริสตจักรในฐานะชุมชนระดับโลกอย่างแท้จริง โดยสนับสนุนว่า พันธกิจควรจะต้องก้าวข้ามการถูกมองว่าเป็น "แบบทางเดียว" แต่ควรเปิดทางสู่การเป็น หุ้นส่วนและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างคริสตจักรทั่วโลก โดยย้ำว่า คริสตจักรต้องยังคงยืนหยัดในความเกี่ยวข้องในโลกที่แตกแยก ข่าวประเสริฐไม่เพียงกล่าวถึงความหวังนิรันดร์ แต่ยังกล่าวถึงความต้องการในชีวิต "ที่นี่และตอนนี้" ด้วย โดยอ้างถึงแบบอย่างพันธกิจของพระเยซู โดยชี้ให้เห็นถึงลักษณะองค์รวม: พระเยซูทรงช่วยคนป่วย ทรงเลี้ยงคนหิว และทรงแสดงความเห็นอกเห็นใจ ไม่เพียงในเหตุการณ์บนกางเขน แต่ในทุกหมู่บ้านและทุกเมืองที่ทรงเยือน
นายกรัฐมนตรีอาเหม็ด ยังกล่าวถึงผลกระทบทางประวัติศาสตร์ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ โดยมีรากฐานมาจากการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ และฟื้นฟูโดยบุคคลสำคัญเช่น จอร์จ ไวท์ฟิลด์ และ จอห์น เวสลีย์ ท่านเน้นว่าขบวนการนี้กลายเป็น พลังระดับโลกเพื่อการเปลี่ยนแปลง และได้ยกย่องผู้นำอย่าง วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ ผู้ซึ่งความเชื่อนำไปสู่การเลิกทาส และมิชชันนารีอย่าง วิลเลียม แครี และ เดวิด ลิฟวิงสโตน ผู้ซึ่งได้เผยแพร่ข่าวประเสริฐไปทั่วโลก มิชชันนารีเหล่านี้ไม่ได้นำมาเพียงความรอด แต่ยัง "ความช่วยเหลือในทางปฏิบัติผ่านโรงเรียน โรงพยาบาล และการพัฒนาชุมชน"
อย่างไรก็ตาม ดร. อาเหม็ด ได้กล่าวถึงความจริงที่ท้าทายอย่างตรงไปตรงมา คือ โมเมนตัมของพันธกิจจากโลกตะวันตกเริ่มลดลงในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 โดยชี้ว่า การลดลงนี้ต้องการการพิจารณาอย่างลึกซึ้งและการดำเนินการที่เหมาะสม แต่กระนั้น ท่านก็ส่งต่อข้อความแห่งความหวังที่เข้มแข็ง โดยสังเกตว่า คริสตจักรสากลกำลังเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีกโลกใต้ ซึ่งคริสตจักรมีชีวิตชีวาและมีทิศทางของพันธกิจมากขึ้นเรื่อยๆ การเติบโตนี้ เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเป็นหุ้นส่วนที่มีรากฐานจากความถ่อมตนและวิสัยทัศน์ระดับโลกร่วมกัน
อีกด้านหนึ่งของการประชุม แฟรงคลิน แกรแฮม (Franklin Graham) ผู้สืบทอดพันธกิจของบิดา คือ บิลลี่ แกรห์ม (Billy Graham) ผู้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนี้ ได้กล่าวแก่ผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 1,000 คนจาก 55 ประเทศ ในการ "ไม่อับอายในข่าวประเสริฐ" โดยได้กล่าวปาฐกถาหลักในหัวข้อ "พระบัญชาของพระเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ" แกรแฮมเรียกร้องให้ "ประกาศ! ป่าวร้อง! ตะโกน! มีพลังที่เต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเราเทศนา"
แกรแฮม เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญหลายประการ รวมถึงความเร่งด่วนของการประกาศข่าวประเสริฐ โดยเตือนไม่ให้ละเลยความจริงหลักเพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันทางวัฒนธรรม ในขณะที่สังคมเปลี่ยนแปลง พระคำในพระคัมภีร์ถูกท้าทาย คริสตจักรถูกเรียกให้มั่นคงและไม่ประนีประนอมในการประกาศข่าวประเสริฐโดยเนื้อแท้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยที่พระมหาบัญชา (Great Commission) ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
แกรแฮม ยังเน้นว่า การอธิษฐาน เป็นรากฐานสำหรับพันธกิจการประกาศข่าวประเสริฐที่มีประสิทธิภาพ ท่านกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมประชุม ยังคงเทศนาข่าวประเสริฐอย่างครบถ้วนด้วยความกล้าหาญ ต่อต้านแรงกดดันทางสังคม และมองไปข้างหน้าถึงการเสด็จกลับมาของพระคริสต์
การประชุมนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสโลกที่มีความท้าทายที่เพิ่มขึ้น จนทำให้การประกาศข่าวประเสริฐในยุโรปยากขึ้น แกรแฮม กล่าวว่า การประกาศข่าวประเสริฐจะยากขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า เนื่องจากอิทธิพลของกระแสโลกกำลังเข้มข้นขึ้น หลายประชาชาติและรัฐบาลที่เคยเป็นมิตรกับศาสนาคริสต์ได้กลายเป็นศัตรู โดยมีความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกระแสโลกที่จะบ่อนทำลายรากฐานทางสังคมและศีลธรรมของยุโรป เมื่อโครงสร้างฉันทมติคริสเตียนพังทลายลง ก็ถูกแทนที่ด้วยความเสื่อมถอยทางศีลธรรม
อุล์ริค ปาซาร์นี (Ulrich Pazarny) ผู้ประกาศข่าวประเสริฐและศิษยาภิบาลชาวเยอรมันวัย 84 ปี กล่าวว่า ตื่นเต้นที่ได้มาร่วมงานและเชื่อมั่นว่าคริสเตียนจะยังคงเทศนาพระคัมภีร์ในปีต่อๆ ไป แม้จะยอมรับว่าการเทศนาเช่นนี้อาจไม่ได้รับการตอบรับในยุโรปที่หลายคนคิดว่าทันสมัยและมีเหตุผลเกินกว่าจะเชื่อพระคัมภีร์ อย่างไรก็ตาม ศิษยาภิบาลท่านนี้กล่าวว่า คริสเตียนควรจะดำเนินต่อไปด้วยความชื่นชมยินดีและมั่นใจ
แฟรงคลิน แกรแฮม ตอบสนองต่อคำวิจารณ์ที่พบเจอในเบอร์ลิน โดยย้ำว่า "เราจะเทศนาข่าวประเสริฐ และจะมีบางคนที่จะเกลียดและปฏิเสธเรา และนั่นก็ไม่เป็นไร" โดยกล่าวว่า พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธตัวท่าน แต่เป็นการปฏิเสธพระวจนะของพระเจ้า "พระเจ้าตรัสสิ่งเหล่านี้เกี่ยวกับชีวิตสมรส ข้าพเจ้าเพียงแต่กล่าวซ้ำสิ่งที่พระเจ้าตรัส"
การประชุมนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับคริสตจักรในยุโรป ด้วยความมุ่งมั่นที่ได้รับการฟื้นฟูในข่าวประเสริฐ การรวมตัวครั้งนี้เป็นสัญญาณที่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับพันธกิจการประกาศข่าวประเสริฐทั่วทั้งทวีป โดย ดร.อาบีย์ อาเหม็ด สรุปการปราศรัยด้วยการเรียกร้องให้แต่ละคนก้าวออกมาด้วยความกล้าหาญและความเชื่อมั่น โดยกล่าวว่า "การเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย" งานข้างหน้ายิ่งใหญ่ แต่ก็มั่นใจว่าผู้ที่มารวมตัวกันในที่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่เต็มใจก้าวออกมาด้วยความถ่อมตนและแน่วแน่