เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้
สภาคริสตจักรในประเทศไทย (CCT) เตรียมประกาศจุดยืนครั้งสำคัญในพันธกิจโลก โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการส่งมิชชันนารีไทยออกสู่ประชาชาติอย่างจริงจังและยั่งยืน หลังจากการสัมมนาเชิงยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายเพื่อก้าวต่อไปอย่างชัดเจน
หลังจากเมื่อวันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2025 สภาคริสตจักรในประเทศไทยได้จัดการสัมมนายุทธศาสตร์พันธกิจการส่งมิชชันนารี ณ อาคารสภาคริสตจักรในประเทศไทย กรุงเทพฯ โดยมุ่งเน้นการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และการเสริมสร้างความพร้อม เพื่อให้การส่งมิชชันนารีเกิดผลอย่างยั่งยืนตามพระมหาบัญชา
-- ข่าว สัมมนายุทธศาสตร์ส่งมิชชันนารีไทย ขยายพันธกิจสู่ประชาชาติ --
ปัญหาที่รอการแก้ไขกว่า 9 ทศวรรษ
ศาสนาจารย์ ดร. บุญรัตน์ บัวเย็น ประธานสภาคริสตจักรในประเทศไทย และอดีตมิชชันนารีคนแรกของสภาคริสตจักรฯ เมื่อ 60 ปีที่แล้ว ได้กล่าวถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการริเริ่มพันธกิจนี้อย่างเป็นรูปธรรม ดร. บุญรัตน์ ยอมรับว่าประเด็นเรื่องการส่งมิชชันนารีนั้นมีการพูดถึงมานานแล้ว และคริสตจักรท้องถิ่นบางแห่ง รวมถึงพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่า ก็มีการทำงานมิชชันกับชนเผ่าเดียวกันในต่างประเทศ หรือภาคบางภาคของสภาคริสตจักรฯ ก็ส่งไปทำงานกับพี่น้องคนไทยที่เป็นคนงานในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ เกาหลี หรือไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม อ.บุญรัตน์ชี้ว่า งานเหล่านั้นไม่สามารถที่จะเรียกได้ว่าเป็นมิชชันนารีของเราจริง ๆ เพราะ สภาคริสตจักรฯ ไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ และเรื่องการเงินก็หาจัดการกันเอง ท่านตั้งคำถามสำคัญว่า สภาคริสตจักรฯ ซึ่งมีอายุยืนยาวถึง 91 ปีแล้ว แต่เรื่องการส่งมิชชันนารี "เรายังเปรียบเทียบกับประเทศอื่นไม่ได้เลย" โดยยกตัวอย่างประเทศที่เผชิญความยากลำบากอย่างประเทศจีนและมองโกเลีย ซึ่งมีการส่งมิชชันนารีออกไปเป็นจำนวนหลายหมื่นคนโดยไม่มีใครรู้
จุดเริ่มต้นที่ชัดเจนด้วยความเชี่ยวชาญระดับโลก
จากการตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ผู้นำ สภาคริสตจักรฯ จึงตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะต้องเริ่ม โดยการสร้างจุดเริ่มต้นที่ชัดเจน
สภาคริสตจักรฯ ได้เชิญ ศาสนาจารย์ ดร. คัง แทฮึง (Rev. Dr. Dae Hueng Kang) และ ศาสนาจารย์ ดร. สตีเฟน ยัง (Rev. Dr. Stephen Yang) จากองค์กร Korea World Missionary Alliance ประเทศเกาหลี มาเป็นวิทยากรหลัก ดร. คัง ซึ่งเคยเป็นอดีตมิชชันนารีที่เคยทำงานร่วมกับ สภาคริสตจักรฯ และปัจจุบันทำหน้าที่ดูแลงานมิชชันทั่วโลก จึงมีความเชี่ยวชาญอย่างมาก การสัมมนาครั้งนี้จึงเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการส่งมิชชันนารีระดับนานาชาติ
ผลลัพธ์ของการสัมมนาคือการสรุปผลอย่างเป็นทางการในหัวข้อ Strategy of World Mission of the Church of Christ in Thailand หรือ ยุทธศาสตร์พันธกิจการส่งมิชชันนารีของสภาคริสตจักรในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมความสำคัญ ความเป็นไปได้ ปัญหา อุปสรรค เครือข่าย และความร่วมมือทั่วโลกในงานมิชชัน สรุปยุทธศาสตร์นี้กำลังจะถูกนำเสนอต่อคณะผู้บริหาร สภาคริสตจักรฯ เพื่อขอการอนุมัติและเดินหน้าทันที

การมุ่งสู่ "โลกใต้" (South World Mission)
อ.บุญรัตน์ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจถึงการเปลี่ยนแปลงของกระแสพันธกิจโลก โดยระบุว่า งานมิชชันในปัจจุบันกำลัง "บูม" อย่างมากใน โลกที่ 2 และโลกที่ 3 ในขณะที่ประเทศโลกที่ 1 (ยุโรปและอเมริกา) กำลังถดถอยและคริสตจักรหลักๆ กำลังล่มสลาย
ท่านกล่าวถึงกลุ่มพันธกิจที่วิทยากรหลักเป็นประธานอยู่ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มประเทศ COALA (Christ over Asia, Africa, Arab, and Latin America) ซึ่งเป็นประเทศในโลกที่ 2 และ 3 ดังนั้น ภารกิจของพระเจ้าจึงย้ายจาก "North World" มาสู่ "South World" และประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนี้
การปฏิบัติการอย่างยั่งยืนและความร่วมมือแบบองค์รวม
เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว สภาคริสตจักรฯ มีแผนที่จะจัดตั้ง คณะกรรมการมิชชัน ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ โดยจะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสำนักเลขาธิการ หรือคณะผู้บริหาร สภาคริสตจักรฯ การดำเนินงานจะถูกออกแบบมาอย่างยั่งยืนและถาวร
คณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการลงรายละเอียดการปฏิบัติงานทั้งหมด ได้แก่
1. การมีส่วนร่วม: การกระตุ้นคริสตจักรภาคและคริสตจักรท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วม
2. การเงิน: การหาทุนสำหรับพันธกิจ
3. การรวมพลัง: การประสานงานให้ทุกหน่วยงานของ สภาคริสตจักรฯ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา สถาบันการแพทย์ หรือหน่วยงานอื่น ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในพันธกิจ
อ.บุญรัตน์ เน้นย้ำถึงปณิธานของงานมิชชันที่ต้องอาศัยความร่วมมือ ซึ่งเปรียบเสมือนกองไฟที่ลุกโชติช่วง โดยมีฟืน ซึ่งหมายถึงผู้คนที่มีความร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน ให้สามารถร่วมกันทำพันธกิจให้ไฟลุกโชนได้
การดูแลอนุชนผู้มีภาระใจ
สำหรับคนรุ่นใหม่หรืออนุชนที่มีภาระใจในการเป็นมิชชันนารีนั้น สภาคริสตจักรฯ มีความพร้อมที่จะเริ่มดูแลและสนับสนุนอย่างแน่นอน อ.บุญรัตน์ ยืนยันว่าเยาวชนคือเป้าหมายหลักที่ต้องเข้ามาสืบสานพันธกิจนี้ต่อไป
ในภาพรวม ศาสนาจารย์ ดร. บุญรัตน์ กล่าวสรุปว่า ขณะนี้ สภาคริสตจักรฯ มีความพร้อมที่จะเริ่มการทำงานครั้งสำคัญนี้แล้ว และเน้นว่านี่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งที่เราละเลยมาตลอดประวัติศาสตร์ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีที่องค์รวมของสภาคริสตจักรในประเทศไทยจะได้ผนึกกำลังกันในการทำพันธกิจครั้งนี้