เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้
สถานการณ์ตึงเครียดชายแดนกระทบชีวิตคริสเตียนในสุรินทร์-ศรีสะเกษ: สองคริสตจักรเผชิญการอพยพ อีกแห่งเปิดบ้านต้อนรับผู้ลี้ภัย
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ตึงเครียดอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณที่ติดกับประเทศกัมพูชา กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของคริสเตียนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ เสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่ คริสตจักรหลายแห่งได้รับผลกระทบ ต้องปิดชั่วคราว สมาชิกกระจัดกระจายกันไป ขณะที่บางคริสตจักรได้เปิดบ้านของตนเองให้เป็นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัย
สมาชิกคริสตจักรนิคมซอย 2 อพยพ
อาจารย์เพิ่ม พันพิศ ศิษยาภิบาลคริสตจักรนิคมซอย 2 อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่าสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากมีเสียงปืนดังมาก และมีประกาศจากทางการให้ออกจากพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่ได้ จึงอพยพครอบครัวไปพักที่จังหวัดขอนแก่นชั่วคราว และคริสตจักรต้องปิดชั่วคราว
สมาชิกคริสตจักรที่ปกติมาร่วมประมาณ 15–20 คน (จากเดิมที่เคยมีประมาณ 30 คน ก่อนมีบางส่วนแยกไปตั้งคริสตจักรใหม่) ได้กระจัดกระจายไปอยู่กับญาติหรือถูกพาลูกหลานไปรับยังกรุงเทพฯ ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดวันกลับได้แน่ชัด ต้องรอให้สถานการณ์สงบและมีประกาศจากทางการ จึงจะสามารถกลับมาจัดการนมัสการได้อีกครั้ง
อาจารย์เพิ่มฝากให้อธิษฐานเผื่อให้สถานการณ์สงบลงโดยเร็ว การเริ่มต้นใหม่ของคริสตจักร รวมถึงการก่อสร้างห้องน้ำและห้องเก็บของด้านหลังคริสตจักรที่ยังไม่แล้วเสร็จและยังขาดงบประมาณ และขออธิษฐานเผื่อสุขภาพของตนเอง ซึ่งประสบอุบัติเหตุเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว และยังเดินไม่สะดวก
คริสตจักรกันทรลักษ์ งดพันธกิจสุดสัปดาห์
อาจารย์ศิลาพร ซุยโล้น ศิษยาภิบาลคริสตจักรกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ให้ข้อมูลว่าสถานการณ์ในพื้นที่ยังตึงเครียด โดยมีคำสั่งให้อพยพ ชาวบ้านจำนวนมากจึงย้ายไปยังศูนย์อพยพที่ทางการจัดไว้ หรือกระจายกันไปตามพื้นที่ใกล้เคียง เช่น พิบูลมังสาหาร (จ.อุบลราชธานี), อ.ศรีรัตนะ, อ.กันทรารมย์ และในตัวเมืองศรีสะเกษ
เช้าวันที่ 24 กรกฎาคมมีเสียงปืนดังมาก แต่วันที่ 25 กรกฎาคมเสียงปืนเงียบลงแล้ว อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในพื้นที่ยังคงเงียบสงัด สมาชิกคริสตจักรส่วนใหญ่ได้อพยพออกไป เหลือเพียงชายบางคนเฝ้าบ้าน อาจารย์ศิลาพรและครอบครัวยังอยู่ในพื้นที่และปลอดภัยดี อย่างไรก็ตาม พันธกิจในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ รวมถึงการนมัสการวันอาทิตย์จะต้องงดไปก่อน
อาจารย์ศิลาพรฝากให้อธิษฐานเผื่อพระเจ้าทรงเมตตาให้สถานการณ์สงบลงโดยเร็ว และอธิษฐานเผื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำรวจ ทหาร แพทย์ และพยาบาลที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่
คริสตจักรเปิดเป็นจุดพักพิงสำหรับผู้ลี้ภัย
ขณะที่คริสตจักรบางแห่งต้องอพยพ ก็มีอีกหลายแห่งที่เปิดต้อนรับผู้ลี้ภัย เช่น คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์สุรินทร์ โดย ศาสนาจารย์ ดร.คำฟอง แสงกุมาร ศิษยาภิบาลของคริสตจักร เปิดเผยว่า ทางคริสตจักรได้เปิดรับผู้ลี้ภัยจำนวน 12 คน ตั้งแต่คืนวันที่ 24 กรกฎาคม แบ่งเป็นพี่น้องจากอำเภอสังขะ 6 คน และจากอำเภอบัวเชด 6 คน หากมีผู้ลี้ภัยเพิ่มเติม คริสตจักรก็สามารถขยายพื้นที่รองรับได้
ขณะที่คุณจันทร์เพ็ญ สินสอน ประธานธรรมกิจ คริสตจักรพลังแห่งความเชื่อ จังหวัดสุรินทร์ ระบุว่า มีคริสเตียนจากคริสตจักรสันติภาพกาบเชิง อพยพมาอยู่ที่บ้านของสมาชิกจำนวน 15 คน โดยทางคริสตจักรพลังแห่งความเชื่อได้ดูแลเรื่องที่พักและอาหารแล้วตั้งแต่คืนที่ผ่านมา
คุณนิค สมาชิกคริสตจักรสันติภาพกาบเชิง ซึ่งเดินทางมาด้วย กล่าวว่า มีครอบครัวจากคริสตจักรจำนวน 3 ครอบครัวตัดสินใจอพยพมายังอำเภอเมืองสุรินทร์เพื่อความปลอดภัย ได้รับการต้อนรับจากรุ่นพี่คริสเตียนที่รู้จักกัน ซึ่งเปิดบ้านให้พักอาศัย เป็นแรงหนุนใจอย่างยิ่งในยามวิกฤต
คุณนิคยังเล่าว่า มีหมู่บ้านหลายแห่งได้รับผลกระทบจากการยิงระเบิดเข้ามาในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะใกล้ทางเข้าคริสตจักรสันติภาพกาบเชิง มีระเบิดตกลงมาใกล้ ๆ อย่างน่าหวาดเสียว แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ตัวอาคารของคริสตจักรไม่ได้รับความเสียหาย ถือเป็นการทรงปกป้องที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน และขอหนุนใจให้พี่น้องร่วมกันอธิษฐานเผื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ภาคสนาม และคริสตจักรแนวชายแดนที่ยังคงยืนหยัดในช่วงเวลาเช่นนี้
คริสตจักรสานสัมพันธ์บุรีรัมย์ส่งทีมช่วยเหลืออาหาร
คริสตจักรสานสัมพันธ์บุรีรัมย์ (Nexus Buriram) ได้ร่วมประกอบอาหารและแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดน รวมถึงเจ้าหน้าที่และสต๊าฟได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ณ ศูนย์อพยพ สนามช้าง International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา